วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม (เกิด 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955) หรือที่มักเป็นที่รู้จักในชื่อ บิล เกตส์ เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน และหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เขากับผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลคนอื่น ๆ ได้ร่วมกันเขียนต้นแบบของภาษาอัลแตร์เบสิก ซึ่งเป็นอินเตอร์เพรเตอร์สำหรับเครื่องอัลแตร์ 8800 (เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในยุคแรกๆ) เขาได้ร่วมกับพอล แอลเลน ก่อตั้งไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชันขึ้น ซึ่งในขณะนี้เขาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเรื่องเทคโนโลยี นิตยสารฟอบส์ได้จัดอันดับให้ บิล เกตส์ เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกหลายปีติดต่อกัน
วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สามได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการอัศวินแห่งจักรวรรดิบริเตน (KBE) จากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2
บิล เกตส์ ติดอันดับหนึ่ง จากการจัดอันดับ "ฟอร์บ 400" ระหว่างปี ค.ศ. 1993-2005 และติดอันดับหนึ่งในการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกของนิตยสารฟอร์บ ในปี ค.ศ. 1996 และระหว่างปี ค.ศ. 1998-2005 ซึ่งจากการจัดอันดับดังกล่าว สรุปได้ว่าทรัพย์สินสุทธิของเขามีมูลค่าดังต่อไปนี้:
การที่ทรัพย์สินสุทธิของเกตส์ มีมูลค่าลดลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา มีสาเหตุมาจากการที่หุ้นของไมโครซอฟท์มีราคาลดลง รวมถึงการที่เขาได้บริจาคเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้องค์กรการกุศลของเขา และแม้เขาจะมีรายได้ลดลง ตามรายงานของนิตยสารฟอร์บในปีค.ศ. 2004 เกตส์ยังได้บริจาคเงินรวมกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กรการกุศลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เขาได้กลายเป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลกไปเสียแล้ว แม้จะนับเอาประมุขของรัฐ (ผู้ซึ่งทรัพย์สินมาจากสถานะทางสังคม) ไว้ในการจัดอันดับด้วยก็ตาม (แม้ว่าการจัดอันดับตามมาตรฐานของนิตยสารฟอร์บนั้น จะไม่รวมเอาประมุขของรัฐเอาไว้ด้วย ฟอร์บได้จัดทำบัญชีประมาณการทรัพย์สินของประมุขแต่ละประเทศไว้ต่างหาก เมื่อนำรายชื่อจากการจัดอันดับทั้งสองแบบมารวมกันแล้ว พบว่าเกตส์เป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก) แต่ใน ค.ศ. 2016 เขาได้กลับมามีเงิน 76.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ(แปลมาจากวิกิพีเดียเวอร์ชันภาษาอังกฤษ)
บุคลิกของบิล เกตส์ มักจะถูกถ่ายทอดออกมาในลักษณะของตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดของเนิร์ดสุดอัจฉริยะ ผู้มีอำนาจล้นฟ้า ซึ่งบุคลิกดังกล่าวนี้มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมป็อป ในการใช้เกตส์เป็นแบบฉบับของ จอมกบฏ หรือ อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย ผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบัญชาการจักรวรรดิเทคโนโลยี
ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายเรื่อง ได้นำเสนอบิล เกตส์ ทั้งในแบบที่นำเกตส์ตัวจริงมาปรากฏตัว หรือจินตนาการตัวละครในแบบของเขาขึ้นมา ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว จะนำบุคลิกที่กล่าวมาข้างต้นมาเป็นต้นแบบ บิลเกต สื่อมวลชนมักจะคิดว่าบิล เกตส์ วิตกจริตเกี่ยวกับไอคิวของเขา รวมทั้งเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับไอคิว และเชื่อกันว่าไอคิวของเกตส์อยู่ที่ราว 160 แต่อย่างไรก็ดี หลายคนประมาณการจากผลสอบ SAT exam (ที่ใช้สอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด) แล้วสรุปว่าเขามีระดับไอคิวอยู่ระหว่าง 120-140 เท่านั้นเอง
โปรแกรมคอมพิวเตอร์หลายตัว ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานบนระบบปฏิบัติการอื่นนอกเหนือจากไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ได้อ้างถึงบิล เกตส์ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม โดยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยจะอ้างถึงในทางชื่นชมสักเท่าไรนัก ซึ่งในจำนวนนี้มี:
เกตส์ได้ศึกษาการทำงานของ แอนดรู คาร์เนกี้ และ จอห์น ดี ร้อคกี้เฟลเลอร์ และในปี 1994 เขาได้ขายหุ้นบางส่วนของไมโครซอฟท์ของเขาเพื่อสร้าง "มูลนิธิวิลเลียมเอชเกตส์" ในปี 2000 เกตส์และภรรยาของเขารวบรวมสามมูลนิธิของครอบครัวเพื่อสร้าง "มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์" เพื่อการกุศล ซึ่ง 'กองทุนสำหรับบริษัทที่เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO)' ระบุในปี 2013 ว่าเป็นมูลนิธิเพื่อการกุศลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยสินทรัพย์มูลค่าตามรายงานมากกว่า $34.6 พันล้าน มูลนิธินี้ยอมให้ผู้ที่สนับสนุนทางการเงินสามารถเข้าถึงข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าเงินจะถูกใช้ไปอย่างไรซึ่งแตกต่างจากองค์กรการกุศลอื่น ๆ ที่สำคัญ
มูลนิธินี้ได้จัดองค๋กรออกเป็นสี่แผนก ได้แก่ แผนกพัฒนาทั่วโลก, แผนกอนามัยทั่วโลก, แผนกสหรัฐอเมริกา และแผนกสนับสนุนและนโยบายทั่วโลก
เกตส์ชื่นชมความเอื้ออาทรและความใจบุญสุนทานที่กว้างขวางของเดวิด ร้อกกี้เฟลเลอร์ ว่าเป็นอิทธิพลที่สำคัญ เกตส์และพ่อของเขาได้พบกับร้อกกี้เฟลเลอร์หลายครั้ง และงานการกุศลของพวกเขาส่วนหนึ่งก็ถูกจำลองในการมุ่งเป้าไปที่การทำบุญของครอบครัวร้อกกี้เฟลเลอร์ โดยที่พวกเขามีความสนใจในการแก้ปัญหาระดับโลกที่ได้รับการปฏิเสธโดยรัฐบาลและองค์กรอื่น ๆ ณ ปี 2007 บิล และ เมลินดา เกตส์ เป็นผู้ใจบุญใจกว้างมากที่สุดอันดับสองในอเมริกา ที่ให้มากกว่า $28 พันล้านเพื่อการกุศล คู่สามีภรรยามีแผนที่จะบริจาคร้อยละ 95 ของความมั่งคั่งของพวกเขาเพื่อการกุศลในที่สุด
ภรรยาของเกตส์แนะนำว่าทุกคนควรจะเลียนแบบความพยายามในการสร้างกุศลของครอบครัว Salwen ซึ่งได้ขายบ้านของครอบครัวและบริจาคครึ่งหนึ่งของค่าของมัน ตามรายละเอียดในหนังสือ 'พลังของครึ่ง'. เกตส์และภรรยาของเขาได้เชิญโจน Salwen มาที่เมืองซีแอตเติลเพื่อพูดเกี่ยวกับสิ่งที่ครอบครัวได้ทำ และในวันที่ 9 ธันวาคม 2010 เกตส์, นักลงทุน Warren Buffett, และผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Facebook นาย Mark Zuckerberg ได้ลงนามในความมุ่งมั่นของพวกเขาที่เรียกว่า "เกตส์-บุฟเฟ่ต์ให้คำมั่น" คำมั่นสัญญาเป็นความมุ่งมั่นของทั้งสามที่จะบริจาคอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่งของพวกเขาตลอดช่วงเวลาเพื่อการกุศล
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2014, บิล เกตส์ได้โพสต์วิดีโอของตัวเองเทถังน้ำที่มีน้ำแข็งบนศีรษะของเขาหลังจากที่ผู้ก่อตั้ง Facebook นาย Mark Zuckerberg ท้าทายให้เขาทำเช่นนั้นเพื่อสร้างความตระหนักในการเกิดโรค ALS (เส้นโลหิตตีบด้านข้างแบบ amyotrophic)
บิลเกตส์และมูลนิธิของเขาให้ความสนใจในการแก้ปัญหาด้านสุขอนามัยทั่วโลกตั้งแต่ปี 2005 เช่นโดยประกาศ "ประดิษฐ์ซ้ำความท้าทายห้องน้ำ" ซึ่งได้รับความสนใจของสื่อมวลชนพอประมาณ เพื่อสร้างความตระหนักในเรื่องสุขอนามัยและการแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ บิลเกตส์ได้ดื่มน้ำซึ่งถูก "ผลิตขึ้นจากอุจจาระของมนุษย์" ในปี 2014 ซึ่งในความเป็นจริงมันถูกผลิตจากกระบวนการบำบัดกากตะกอนน้ำเสียที่เรียกว่ากระบวนการ Omni ในช่วงต้นปี 2015 เขายังปรากฏตัวกับจิมมี่ ฟอลลอน ในรายการกลางดึกกับจิมมี่ฟอลลอน และท้าทายจิมมี่ให้ดูว่าเขาสามารถลิ้มรสเพื่อแยกแยะความแตกต่างระหว่างน้ำที่อ้างถึงนี้กับน้ำดื่มบรรจุขวดได้หรือไม่